ทำไมมีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออก

ทำไมมีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออก มีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไร?

สาเหตุที่มีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออก สามารถบ่งบอกที่มาได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น มดลูกเกิดการอักเสบ การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อในช่องคลอด ลักษณะของช่องคลอดแห้ง หรือแม้แต่ในวัยทองผู้หญิงที่กำลังจะหมดประจำเดือน หลังมีเพศสัมพันธ์แล้วจะทำให้มีเลือดออก ซึ่งแต่ละสาเหตุที่กล่าวมานี้จะมีความเสี่ยงมากน้อยแตกต่างกันออกไป และมีวิธีการรักษาที่ไม่เหมือนกัน โดยเราจะมาแนะนำให้คุณสาวๆ ได้รู้จักวิธีการรักษาและป้องกันอย่างถูกต้องค่ะ

เมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออก เกิดจากอะไร

เมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออกมาบริเวณช่องคลอด มีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไปดังนี้

1.ลักษณะของการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง หรือมีเพศสัมพันธ์ในขณะที่ร่างกายยังไม่ถูกกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ จะทำให้เกิดการฉีดขาดของเนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอด หรือเกิดการอักเสบบริเวณช่องคลอดและมดลูกได้

2.ประจำเดือนที่เกิดการตกค้าง เมื่อมีเพศสัมพันธ์หลังจากประจำเดือนหมดเพียงไม่กี่วัน จะทำให้ประจำเดือนที่ตกค้างมีการหลั่งออกมาอีก

3.ลักษณะของช่องคลอดแห้ง ซึ่งจะพบได้มากในหญิงวัยทองที่กำลังจะหมดประจําเดือน หากมีเพศสัมพันธ์จะทำให้เกิดการเสียดสีที่บริเวณช่องคลอด อาจทำให้มีเลือดซึมออกมาในขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ อันเนื่องมาจากภาวะของช่องคลอดแห้ง ทำให้น้ำหล่อลื่นมีไม่เพียงพอ

4.การติดเชื้อบริเวณช่องคลอด ซึ่งมีผลทำให้ปากมดลูกอักเสบ เชิงกรานอักเสบ หรือการติดเชื้อที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน ซิฟิลิส ซึ่งมีสาเหตุทำให้เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ได้

5.มีติ่งหรือเนื้องอกที่เกิดขึ้นในช่องคลอด เยื่อบุโพรงมดลูก

6.มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก ซึ่งหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์แล้วมักจะมีเลือดออกมา

7.ภาวะมดลูกเกาะต่ำ มดลูกเคลื่อน มดลูกหย่อน จะทำให้มีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ที่ส่งผลมาจากการมีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออก อาทิเช่น การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงตั้งครรภ์ ช่วงการให้นมบุตร ช่วงหลังคลอด เป็นต้น

แนวทางการรักษา เมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออก

หลังจากที่มีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ แนวทางในการรักษาที่ถูกต้อง ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย เพื่อหาสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยมีแนวทางในการรักษาดังต่อไปนี้

1.เมื่อไปพบแพทย์ ลำดับแรกแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุด้วยวิธีการตรวจแป๊บสเมีย หรือเรียกว่าการตรวจภายในนั่นเอง ซึ่งจะสามารถบ่งบอกถึงปัญหาต่างๆ หลังการตรวจได้

2.การตรวจพบผู้ที่มีภาวะช่องคลอดแห้ง แพทย์จะทำการรักษาด้วยวิธีการรับประทานยาปฏิชีวนะ รักษาด้วยยาสอด ครีมทา

3.กรณีที่ตรวจพบภาวะช่องคลอดแห้ง หรือการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก แพทย์จะแนะนำให้ใช้เจลหรือสารหล่อลื่น ที่จะช่วยลดการเสียดสี ที่ทำให้เกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อในช่องคลอด

4.กรณีที่มีสาเหตุมาจากมดลูกหย่อน มดลูกเกาะต่ำ แพทย์จะแนะนำให้ลดน้ำหนัก หรือการออกกำลังกายที่ช่วยฝึกความแข็งแรงของมดลูกให้มีความกระชับ

5.กรณีที่ตรวจพบว่ามีการติดเชื้อภายในช่องคลอดหรือเกิดการอักเสบของมดลูก แพทย์จะทำการจ่ายยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาให้หายเป็นปกติ

6.กรณีที่ตรวจพบมีความรุนแรงที่เกิดจากเชื้อมะเร็ง แพทย์จะทำการรักษาในขั้นตอนของการทำเคมีบำบัด หรือการรักษาตามขั้นตอนของโรคมะเร็งนั่นเอง

วิธีป้องกันไม่ให้มีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออก

แนวทางในการป้องกันเบื้องต้น หากเกิดเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ที่ยังไม่มีความรุนแรง เราสามารถป้องกันการเกิดเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ซ้ำได้ด้วยวิธีการปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

1.หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง หรือการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้ง

2.ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกหรือวัยทองที่มีภาวะมดลูกแห้ง หมดประจำเดือน แนะนำให้ใช้สารหล่อลื่นร่วมกับการมีเพศสัมพันธ์ด้วย

3.ขวัญรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ และช่องคลอด เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์

4.ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย

สาเหตุและแนวทางในการป้องกันและรักษาที่เรานำมาฝากนี้ สาวๆ สามารถนำไปปฏิบัติตาม และสังเกตอาการตัวเองเมื่อประสบกับปัญหาเหล่านี้ เพื่อที่จะทำการรักษาได้ทันท่วงที หรือถ้าหากคุณมีอาการที่ยังไม่รุนแรงมากนัก จะได้มีแนวทางในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง มีแนวทางในการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ได้ เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถรู้เท่าถึงโรคต่างๆ ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์หรือปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้วมีเลือดออก ซึ่งสาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลต่ออาการดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่ต้องพึงระวัง และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ด้วยนั่นเอง